เกี่ยวกับฉัน

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้…กับกรุ๊ปเลือด

ทราบหรือไม่ค่ะว่าการเลือกรับประทานอาหารต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ หลายอย่าง เพื่อที่จะทำให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง แต่มีปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือการเลือกรับประทานอาหารให้สัมพันธ์กันกับกรุ๊ปเลือดของแต่ละคนด้วย หลายคนคงแปลกใจ และตั้งคำถามขึ้นในใจว่าเกี่ยวด้วยหรือ ลองมาดูกันค่ะว่าเลือดกรุ๊ปไหนจะเหมาะสมกับอาหารชนิดไหน

กรุ๊ป A คนที่มีเลือดกรุ๊ป เอ จะอ่อนไหวต่อการเป็นมะเร็งได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่น เพราะฉะนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงต้องหมั่นไปตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ

สำหรับคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้เคยสังเกตตัวเองหลังดื่มนมบ้างหรือเปล่า เพราะคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้เวลาทานนมเข้าไปแล้วจะมีอาการท้องอืดแน่นเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของเลือดกรุ๊ป A จะทำปฏิกิริยากับนม เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวก ข้าวสาลี เนื้อติดมัน นม เป็นพิเศษ

ส่วนอาหารที่ควรรับประทานนั้นได้แก่อาหารจำพวกผักใบเขียว ใบเหลือง รวมทั้งธัญพืชและถั่วต่าง ๆ ยิ่งถ้าทานเข้าไปในปริมาณมาก ๆ ก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพ

กรุ๊ป B พวกที่อยู่ในเลือดกรุ๊ปนี้ถือเป็นเลือดที่กำเนิดขึ้นมาเป็นอันดับสามของมนุษย์ ว่ากันว่าเลือด กรุ๊ปนี้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อคนเรารู้จักเลี้ยงสัตว์ที่ให้นม คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงสามารถรับประทานนมได้โดยไม่มีอาการเรอเหม็นเปี้ยวเหมือนกับเลือดกรุ๊ป A นอกจากนมแล้ว อาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้แก่ เนื้อกวาง เนื้อกระต่าย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาก แต่ควรหลีกเลี่ยงเนื้อไก่

กรุ๊ป O เลือดกรุ๊ปนี้ถือว่าเป็นเลือดกรุ๊ปแรกที่เกิดขึ้น ดังนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดีมาก การเลือกรับประทานอาหารควรเลือกที่จะรับประทานเนื้อสัตว์ ได้แก่ เป็ด ไก่ ปลา (ยกเว้นหมู) และควรรับประทานผักผลไม้มาก ๆ เนื่องจากคนสมัยโบราณมักจะหากินเนื้อสัตว์ ไม่ได้กินนม เพราะฉะนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จึงควรหลีกเลี่ยงนม เพราะถ้าดื่มนมมีแนวโน้มว่าจะทำให้แผลเน่าเปื่อย หรือเกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่น

กรุ๊ป AB เป็นเลือดกรุ๊ปสุดท้ายที่เกิดขึ้นในมนุษย์เรา คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้มีเพียงแค่ 2 % เท่านั้นเอง คนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะมีลักษณะคล้าย ๆ คนเลือดกรุ๊ป B คือระบบการย่อยอาหารนั้นมักจะมีกรดเกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่ ดังนั้นการเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ควรเลือกรับประทานในปริมาณที่น้อย และอย่าบ่อยจนเกินไป อาจสังเกตได้ถ้ามีอาการเรอบ่อยครั้ง

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ การรับประทานอาหารที่ไม่ตรงตามกรุ๊ปเลือด หลายท่านมีปัญหา หรือมีอาการอย่างที่บอกบ้างหรือเปล่าค่ะ เพราะฉะนั้นเลือดกรุ๊ปไหนก็ควรเลือกรับประทานอาหารให้ถูกต้องนะค่ะ และอย่าลืมรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สดและถูกสุขอนามัยด้วยนะค่ะ

ที่มา http://www.bu.ac.th/NewsandInform/Alumni/magazine/No45/know.html



วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

8 วิธีแก้ง่วงตอนกลางวัน


เกือบจะทุกคนมีอาการง่วงตอนกลางวันจนเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ซึ่งอันที่จริงก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ที่จะง่วงกันได้ แต่มีบางคนที่ความง่วงนั้นเกินกว่าที่จะควบคุมได้ ทำให้ การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก หรือไม่ก็หันไปพึ่งกาแฟ อาการง่วงอย่างผิดธรรมดาเป็นอาการที่เราเรียกว่า hypersomnia ซึ่งทำให้เราง่วงและสามารถหลับได้ง่าย ๆ ในทุกที่เลยทีเดียว
8 วิธีในการแก้ปัญหานี้ซึ่งจะช่วยคุณได้....
1. นอนหลับให้เพียงพอ
แน่นอนว่าคำแนะนำข้อแรกมักเป็นสิ่งที่ เห็นได้ชัดอยู่แล้วนี่นา แต่ทว่าพวกเราในสังคมเมืองจำนวนมากไม่ได้ใช้เวลาในการ นอนอย่างมีคุณภาพ ในผู้ใหญ่ทั่วไปควรจะนอนเป็นจำนวน 7-9 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่วัยรุ่นควรมีเวลานอนเพียงพอถึง 9 ชั่วโมง เลยทีเดียว ดังนั้นคุณควรเริ่มต้นพัฒนาการนอนหลับในกลางคืนอย่างจริงจังให้สามารถนอนได้ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งคุณ สามารถใช้การออกกำลังกายในตอนเช้า หรือตอนเย็นเข้ามาช่วย และดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนจะสามารถช่วยคุณให้หลับสบายขึ้น อีกทั้งคุณไม่ควรอ่านหนังสือ หรือดูทีวีรับข้อมูลข่าวสารที่ทำให้เกิดอาการเครียด ตื่นเต้น หรือขุ่นมัว คุณควรทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ที่สุดเพื่อทำให้สามารถหลับได้ง่ายขึ้น
2. เอาสิ่งรบกวนการนอนไปให้พ้นห้องนอนซะที

มีคำกล่าวไว้ว่าเตียงนอนมีไว้สำหรับ นอน และมี sex ซึ่งเป็นเรื่องจริง คุณไม่ควรจะอ่านหนังสือ ดูทีวี หรือเล่นวีดีโอเกมส์บนเตียง นอน หรือแม้แต่ใช้คอมพิวเตอร์บนเตียง เริ่มต้นสร้างวินัยในห้องนอนตอนนี้จะทำให้การพัฒนาการนอนของคุณเป็นไปได้ดี การได้ รับข้อมูลข่าวสารจากทีวี หรือการอ่านหนังสือ หรือแม้แต่เล่นวีดีโอเกมส์จะทำให้สภาวะทางอารมณ์ของคุณไม่พร้อมที่จะผ่อนคลาย ทำให้หลับได้ยาก

3. ตั้งเวลาตื่นที่แน่นอนเป็นประจำทุกวัน
คนส่วนมากที่มีปัญหาในการนอนหลับมักจะได้รับคำแนะนำให้เข้านอน และตื่นเป็นประจำทุกวันเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว รวมทั้ง การนอนและตื่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นกัน การตั้งเวลานอนและตื่นก็ยังเป็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชีวิตคนเมือง ที่มีความเร่งรีบ มีงานด่วน มีงานล่วงเวลา มีรถติด และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตามหากคุณพยายามจัดเวลานอนที่ชัดเจน และหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขปัญหาที่จะทำให้ตารางเวลาการนอนของคุณ บกพร่องก็จะเป็นการดีสำหรับตัวคุณอย่างยิ่ง หากคุณสามารถนอนและตื่นเป็นประจำทุกวันได้สองถึงสามอาทิตย์ติดต่อกัน ร่าง กายคุณจะปรับตัวเป็นความเคยชินเกิดขึ้น ทำให้การเข้านอน และตื่นนอนกลายเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อถึง เวลานอนคุณจะง่วงทันที และเวลาตื่นก็ไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาปลุกอีกด้วย เพราะเมื่อคุณทำเป็นประจำแล้วร่างกายของคุณจะจำ เวลาตื่นได้เองโดยอัตโนมัติ
4. ค่อย ๆ ขยับเวลานอนให้ไวขึ้น
อีกวิธีนึงที่จะช่วยคุณได้คือลองพยายามเข้านอนให้ไวขึ้นอย่างน้อย 15 นาที และขยับให้ไวขึ้นแบบนี้ทุก ๆ วันเป็นเวลาสี่วันจากนั้น ให้นอนเวลานั้นติดต่อกันไปอีกสองถึงสามอาทิตย์ตามข้อที่ 3 จะทำให้คุณหลับได้ง่ายขึ้น การทำแบบนี้จะเป็นการฝึกร่างกายให้ นอนได้ดีกว่าการพยายามนอนให้หลับในทันที หรือพยายามนอนเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงในคราวเดียว
5. ตั้งเวลาการกินอาหารที่แน่นอนทุกวัน
การกินอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหนก็ตามคุณควรมีเวลาที่ชัดเจนเพื่อให้ร่างกายปรับตัวในการย่อยอย่างเป็นระบบระเบียบ และเป็นเวลาซึ่งจะมีผลกระทบต่อการนอนตอนกลางคืนของคุณ นอกจากนี้คุณไม่ควรรับประทานอาหารหนัก ๆ ก่อนนอนโดยเด็ด ขาดเพราะจะทำให้ระบบในร่างกายทำงานหนักมาก และนอนไม่หลับกระสับกระส่าย คุณไม่ควรได้้รับอาหารหนักก่อนเข้านอน สองถึงสามชั่วโมง
ในแต่ละมื้ออาหาร คุณควรรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ และดีต่อสุขภาพการทานอาหารเป็นมื้อ ๆ เป็นเรื่องเป็นราว ดีกว่าการกิน junk food แบบลวก ๆ หรือกินแซนวิชสองสามแผ่นกับกาแฟอย่างแน่นอน เวลาที่คุณกินอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการของ ร่างกายจะทำให้เกิดอาการ โหย ซึ่งจะทำให้คุณกินจุกกินจิกโดยไม่รู้ตัว และอาจน้ำหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นก็จะมี ปัญหาการนอนตามมาด้วย

6. อย่าพึ่งเข้านอนถ้ายังไม่ง่วง
คุณควรจะเข้านอนเวลาที่รู้สึกเหนื่อย และง่วงพร้อมที่จะนอนไม่อย่างนั้นคุณจะไม่สามารถนอนหลับได้ง่าย ๆ ทำให้เป็นการสร้าง นิสัยเสียในการนอนขึ้นมา ความเคยชินจากการนอนไม่หลับบนเตียงจะทำให้ร่างกายไม่รู้สึกว่า ฉันต้องนอนแล้วนะ ซึ่งเป็นส่วน หนึ่งของการฝึกนิสัยเสียให้กับตัวคุณ หากคุณนำข้อนี้ไปใช้ร่วมกับการตั้งเวลานอนที่ชัดเจน และออกกำลังกายเป็นประจำ การเข้า นอนตอนกลางคืนของคุณจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นทำให้สามารถทำข้อ 6 นี้ได้ง่าย อย่าฝึกเข้านอนทั้ง ๆ ที่ยังตื่นเต็มที่เพราะจะบ่มเพาะ นิสัยหลับยากให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
7. อย่านอนตอนกลางวัน
การนอนตอนกลางวันจะเป็นอุปสรรคในการนอนตอนกลางคืนอย่างแน่นอน คุณควรจะฝืนทนไม่ยอมนอนตอนกลางวันแล้วเก็บมา นอนตอนกลางคืน ซึ่งเป็นการฝึกระเบียบวินัยการนอนที่ดี
8. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากปัญหาการหลับยาก และการง่วงนอนตอนกลางวันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของคุณ คุณควรไปปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณยังง่วงนอนตอนกลางวันอย่างมากแม้ว่าจะนอนพอแล้วในตอนกลางคืน คุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคบางอย่าง มะเร็งใน สมองก็สามารถทำให้เกิดอาการง่วงนอนตลอดเวลาได้เช่นกัน หรือคุณอาจจะเป็นโรคนอนไม่หลับอย่างรุนแรงก็เป็นได้ หรือคุณ อาจมีอาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอก็เป็นไปได้ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงจังเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง ซึ่งจะช่วย ให้คุณรับรู้ปัญหาที่แท้จริง แนวทางแก้ไขหรือวิธีรักษาต่อไปนั่นเอง

ที่มา http://women.thaiza.com/10+วิธีแก้ง่วงตอนกลางวัน-190810.html


วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีชะลอความแก่ 7 ประการ

เรื่องความชราที่มาเยือนนั้นเป็นไปตามวัยก็จริง แต่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับ "แก่ก่อนวัย"ถึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า "ทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจ" เคล็ดลับเหล่านี้ได้จาก น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
1.ต้องไม่อยากแก่...

ต้องตั้งใจคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเอาไว้ และต้องปฏิบัติควบคู่ไปทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ

2.มีใจเป็นหนุ่มสาว..
คือ รักอิสระ มองโลกในแง่ดีและที่สำคัญมีความหวังเสมอ หรือการคบเพื่อนที่อายุน้อยกว่าก็เป็นวิธีการที่ดี
3.ลดความเครียด..
เลิกเอาคิ้วผูกโบได้แล้ว ลองยิ้มให้มากขึ้น ถ้าไม่รู้จะยิ้มอย่างไรก็ลองยิ้มกับกระจกเงาที่บ้านดูสิ
4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ..
ออกกำลังการอย่างน้อย 15 นาทีจะดี
5.กินอาหารต้านชรา..
พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น พืชผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
6.นอนหลับเพียงพอ..
เราควรจะนอนให้เพียงพอกับร่างกาย ที่ดีที่สุดควรนอนก่อนสี่ทุ่มจะดีที่สุด
7.ความรัก..
ความรักเท่านั้นที่จะช่วยให้คนสดชื่น กระชุ่มกระชวย ทั้งความรักของคนหรือสัตว์ ก็จะช่วยให้เราหัวใจเบิกบาน

ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.phpid=jormjun&month=052006&date=01&group=4&gblog=14

10 กิจกรรมที่ทำให้ชีวิตยืนยาว


เรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ใครหลายๆ คน อาจคิดไม่ถึง หรือไม่ให้ความสำคัญกับมัน แต่จริง ๆ แล้กิจกรรมเหล่านี้กลับทำให้ชีวิตของเรายืนยาวขึ้น จะมีอะไรบ้าง ลองไปติดตามกันเลยค่ะ

1. รับประทานอาหารเช้าทุกวัน

เพราะอาหารมื้อนี้แหล่ะ ที่ช่วยให้เรามีพลังงานสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน

2. นอนหลับให้สนิท
อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราแข็งแรงขึ้น เซลล์ร่างกายสร้างตัวได้ดี สมองสดใส และหน้าตาสดใสอีกด้วย

3. ออกกำลังกายเป็นประจำ
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที จะทำให้หัวใจทำงานได้ดี เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ และลดอาการกระดูกพรุนเมื่อเข้าสู่วัยทองได้อีกด้วย

4. หัวเราะ
เพราะเมื่อเราหัวเราะ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือ เอนโดรฟินออกมา ทำให้ลดความเครียดและหน้าตาสดใสอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

5. ทานน้ำมันตับปลา
หรืออาจทานปลาที่มีไขมันสัก 3 มื้อต่อสัปดาห์ อย่างเช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เพราะในน้ำมันตับปลาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ ช่วยลดโคเรสเตอรอล ทำให้เราไม่อ้วนได้อีกด้วย

6. ทำสมาธิ
จะช่วยลดความเครียด ลดความดันเลือด และยังช่วยให้ออกซิเจนเข้าปอดได้อย่าง
เต็มที่ ในเวลาที่เรากำหนดลมหายใจ

7. แปรงฟันและขัดฟันทุกวัน
จะช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้สุขภาพดีขึ้น แถมบุคลิกดีขึ้นอีกต่างหาก

8. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
อย่างเช่น ผัก ผลไม้ ต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ด้วย

9.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละ 1 แก้ว
อย่างเช่น ไวน์แดง หรือไวน์ผลไม้ เพื่อกระตุ้นหัวใจให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น (แต่อย่าดื่มมากไปนะ เพราะจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพมากกว่า)

10. ดื่มชา
จะช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ด้วย

....เพียงแค่ 10 วิธีง่าย ๆ ก็จะช่วยให้คุณมีชีวิตที่ยืนยาว แข็งแรง....ลองนำไปปฏิบัติกันดูนะค่ะ

ที่มา http://nu.kku.ac.th/site/km/blogs/index.php?blog=10


วิธีนอนหลับให้สบาย ผ่อนคลายสักนิดก่อนเข้านอน

  • ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนการเข้านอน ถ้าจำเป็นต้องดื่ม ก็ควรดื่มไม่เกิน 2 แก้ว
  • ปิดโทรศัพท์ก่อนเข้านอน เพื่อไม่ให้มีใครโทรมารบกวนเวลาที่ใกล้จะหลับ
  • นอนที่ที่รู้สึกสบายที่สุด และเป็นที่นอนที่ไม่เป็นแอ่ง เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังและปวดไหล่ตอนตื่นนอนได้
  • เลือกหมอนที่รู้สึกว่านอนแล้วรับกับลำคอ
  • อาจเปิดเพลงช้าๆ ฟังสบายๆ เพื่อทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อาจเป็นพลงบรรเลงเบาๆ หรือฟังเพลงโปรดก็ได้
  • ก่อนนอนพยายามเปิดแสงไฟนวลตา หรือไฟสีเหลืองส้มจะทำให้ดวงตา ปรับแสงได้ดี ประสาทตาทำงานน้อยลง หลังจากปิดไฟนอนจะหลับสบายมากขึ้น
  • ก่อนนอนใส่เสื้อผ้าสบายๆ เลือกใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าสบายๆ ไม่หนามากจนเกินไป เพื่อให้เหมาะกับอากาศ เและไม่ควรใส่ชุดชั้นในเวลานอน
  • ค่อยๆล้มตัวลงนอนกับหมอนนุ่มๆ แล้วสูดหายใจเข้าออกยาวๆ หลายๆครั้ง เมื่อเริ่มรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง

พยายามนอนที่ที่มีเสียงเงียบ ปราศจากสิ่งรบกวนให้มากที่สุด การพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้วันรุ่งขึ้น สมองสดใส พร้อมรับวันใหม่อย่างเต็มที่

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

เกร็ดน่ารู้ วิธีดูแลสุขภาพหน้าร้อน แบบง่ายๆ

1. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เนื่องจากหน้าร้อนจะสูญเสียเหงื่อมาก ควรหลีกเลี่ยงน้ำหวาน เพราะจะยิ่งทำให้กระหายน้ำมากขึ้น อาจดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำสมุนไพรที่มีรสไม่หวานจัดแทน
2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น อาจทำให้เกิดการขาดน้ำ นอกจากนี้ ในหน้าร้อนแอลกอฮอล์จะซึมเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็ว ทำให้เมาง่าย และอาจช็อกหมดสติได้

3. อาหารที่เหมาะสำหรับหน้าร้อน คือ อาหารรสขมเย็น เช่น แฟง มะระ สะเดา ช่วยลดความร้อนในร่างกาย นอกจากนี้ ควรเลือกทานอาหารที่สะอาด สด ใหม่ เพื่อป้องกันการเกิดโรคทางเดินอาหารในหน้าร้อน

4. อย่าออกกำลังกายหักโหม หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือแดดเปรี้ยง จะทำให้เจ็บป่วยง่ายขึ้น การออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-4 วัน ประมาณครึ่งชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค

5. สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายความร้อนได้ง่าย และดูแลความสะอาดของร่างกายไม่ให้เกิดการอับชื้น หากเกิดผดผื่นคันควรปรึกษาแพทย์

6. ใช้ครีมกันแดดเมื่อออกกลางแจ้ง หรือในที่แดดแรง ๆ เพื่อป้องกันการเกิดผิวไหม้จากการได้รับแสงแดดมากเกินไป และควรสวมแว่นกันแดดเพื่อปกป้องสายตา

หน้าร้อนนี้ อย่าลืมรับประทานอาหารที่สดสะอาด นะคะ ^-^

ที่มา http://sakid.com/2009/03/16/12010/